โซย่า อนาโตเลฟน่า คอสโมเดมยานสกาย่า (Зоя Анатольевна Космодемья Нская,Zoya Anatolyevna Kosmodemyanskaya) เป็นทหารคนหนึ่งในกองทัพแดงที่ต่อสู้อยู่ในแนวหน้ากับข้าศึกในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นสตรีคนแรกที่สวมเกียรติยศ “ฮีโร่” คนแรกของสหภาพโซเวียต
โซย่า เกิดในหมู่บ้านตอนกลางของรัสเซีย ในเขตตามบอฟ (Tambov) ในครอบครัวของนักบวช เมื่ออายุได้ได้ 6 ขวบพ่อได้ย้ายครอบครัวไปยังไซบีเรีย ซึ่งบางรายงานบอกว่าที่พ่อเธอต้องย้ายบ้านเพราะว่าไปกล่าวว่าระบบการทำนารวม แต่ว่าแม่ของเธอเคยบอกไว้ในปี 1986 ว่าที่ต้องหนีเพราะว่าถูกให้ร้าย พวกเขามาอาศัยอยู่บริเวณแม่น้ำ เบอร์ยุสา (Biryusa) ตอนใต้ของไซบีเรียเป็นเวลาเกือบปี ก่อนที่จะย้ายมาที่มอสโคว์พ่อของโซย่า เสียชีวิตไปขณะที่โซย่ามีอายุได้เพียงสิบปี ทำให้แม่ต้องเป็นผู้ดูแลโซย่าและน้องชาย อเล็กซานเดอร์ (Aleksandr)
ชีวิตในวัยเรียน โซย่าชอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์และวรรณกรรม เธอมีความฝันที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลับเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก แต่ว่าความสัมพันธ์กับเพื่อนๆ ในห้องของเธอไม่ค่อยดี เธอมีอาการป่วยด้วยความเครียดจากการเข้าสังคมกับเพื่อนๆ เธอเข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ และในปี 1940 ตอนที่โซย่าเข้ารักษาอาการป่วยที่คลีนิคโซกอลนิกี (Sokolniki clinic) เธอได้รู้จักกับนักเขียนมีชื่ออย่างอาร์คาดี เกย์ดาร์ (Arkady Gaydar)
เธอเรียนกจบเกรด 9 ในปี 1940 แม้ว่าจะต้องเข้าออกโรงพยาบาลและขาดเรียนอยู่หลายครั้ง 31 ตุลาคม 1941 โซย่าและอาสาสมัครยุวคอมมิวนิสต์อีก 2,000 คน ได้เข้าโรงเรียนสอนการรบ และได้เข้าประจำหน่วยกองกำลัง ที่ 9903 (guerilla troop of 9903rd) ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งเน้นการรบแบบกองโจร หลังจากเรียนรู้การรบในเวลาสั้นแล้วแล้ว เธอถูกส่งไปยังเขตโวโลโกลามส์ก (Volokolamsk) ในเขตมอสโคว์ เธอและเพืื่อนมีหน้าที่ในการวางกับระเบิดตามถนน นอกนั้นสตาลินได้ออกคำสั้งให้ป้องกันการตั้งค่ายของเยอรมันในเมืองหรือหมู่บ้านต่างๆ หน่วยที่โซย่าสังกัดอยู่สามารถเผาค่ายของเยอรมันได้หลายสิบแห่งในเวลาอาทิตย์เดียว เช่นที่หมู่บ้าน เปตรีเชโว (Petrishevo) ตะวันตกของมอสโคว์ หน่วย 9903 เป็นกองกำลังในการโจมตี ทำให้ต้องรับศึกหนัก และสูญเสียทหารไปมากเหมือนกัน กองกำลังนี้อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของบอริส กรายเนฟ (Boris Kraynev)
27 พฤศจิกายน ขณะที่เข้าโจมตีฐานที่มั่นของเยอรมันในเขตเปตรีเชโว , กรายเนฟ , โซย่า และวาสลิลี กลุปคอฟ (Vasily Klubkov) พวกเขากระจายกันออกปฏิบัติการ จุดไฟเผาบ้านของเยอรมัน แต่กลุปคอฟโดนทหารเยอรมันจับตัวเอาไว้ได้ ในขณะที่โซย่า ตัดสินใจจะปฏิบัติการต่อไป เธอมุ่งหน้าไปยังเปตรีเชโว แต่ว่าตอนนั้นทหารยามของเยอรมันได้เตรียมพร้อมอยู่แล้ว และคนในหมู่บ้านบางคนก็อาสาเป็นยามในการป้องกัน โซย่าถูกชายคนหนึ่งในหมู่บ้านแจ้งให้ทหารเยอรมันทราบ ทำให้เธอถูกจับตัวได้ ชายคนคนดังกล่าวได้รับว๊อคก้าขวดหนึ่งเป็นรางวัลจากทหารเยอรมัน แต่ต่อมาถูกตัดสินประหารชีวิต
โซย่าถูกนำตัวมาแขวนไว้ติดกับเสากลางหมู่บ้าน ท่ามกลางอากาศหนาวเย็น ทหารเยอรมันทหารมานเธอเพื่อให้คายข้อมูล แต่ว่า โซย่าบอกกับทหารเยอรมันว่าเธอชื่อ ธันย่า (Tanya) มีหญิงในหมู่บ้านบางคนเอาจานกระเบี้องปาเธอด้วย หญิงคนดังกล่าวต่อมาก็ถูกลงโทษตายเช่นกัน ในรุ่งเช้าวันต่อมา ทหารเยอรมันก็จัดการแขวนคอเธอ พร้อมเขียนป้าย “นักวางเพลิง” (arsonist) แขวนไว้ที่ตัวเธอ
ร่างของเธอถูกแขวนไว้อย่างนั้นเป็นเวลาหลายสับดาห์ ก่อนที่จะทดไม่ได้ต่อเสียงประณามการกระทำของทหารเยอรมันอย่างไร้มนุษยธรรม ร่างของโซย่าจึงถูกนำไปเผาริมหมู่บ้าน
เธอทิ้งประโยคในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตเอาไว้ว่า สหาย ทำไมพวกนั้นดูเศร้านัก ฉันไม่กลัวที่จะตาย ฉันภูมิใจที่จะตายเพื่อประชาชน [Comrade , Why are you so gloomy? i am not afraid to die! i am happy to die for my people]
เธอพูดกับทหารเยอรมันว่า "เจ้าแขวนคอข้าได้ในบัดนี้ แต่ว่าข้าไม่ได้อยู่ลำพัง เพื่อนข้าอีกสองร้อยล้านคน พวกเจ้าแขวนพวกเราได้ไม่หมดหรอก[ You’ll hang me now, but i am not alone , There are two hundreds million of us. You can’t hang us all]“
ต่อมาโซเวียตได้ทำร่างของเธอมาประกอบพิธีใหม่ที่สุสานโนโวเดวิชเย่ (Novodevichye cemetery) ในมอสโคว์ หนังสือพิมพ์ปราฟด้า ฉบับ 27 มกราคม 1942 ได้ตีพิมพ์เรื่องราวของเธอซึ่งเขียนโดย ปีเตอร์ ลิดอฟ (Petr Lidov) ในบทความเรื่อง "ธันย่า” ซึ่งลิดอฟ เองได้ยินเรื่องราวของโซย่า มาจากคนแก่ในหมู่บ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ที่โซย่าถูกประหารนั้น ในเดือนกุมภาพันธ์ สหภาพโซเวียตจึงให้ตำแหน่ง “ฮีโร่” กับเธอเพื่อเป็นเกียรติ