นิโคไล มูราฟยอฟ-อมูร์สกี (Николай Николаевич Муравьёв-Амурский)
มีบทบาทในการรวมไซบีเรียตะวันออกเข้ากับรัสเซีย
อมูร์สกี เกิดในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 1809 (11 สิงหาคม O.S.)
พ่อของเขาชื่อนิโคลัส มูราฟยอฟ (Nicholas Muravyov) เป็นที่ปรึกษาของซาร์นิโคลัส ที่ 1 (Tsar Nicholas I) เขาเคยเป็นผู้ว่าของเมืองนอฟโกรอดระหว่างปี 1815-1818
ส่วนแม่ชื่อแคทเธอรีน (Ekaterina Mordvinova) มาจากครอบครัวที่มีฐานะมั่งคั่ง อมูร์สกีมีน้องชายชื่อวาเลเรียน (Valerian Nikolaevich Muravyov)
1824 เข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมทหาร (Page Corps) ในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
1827 สำเร็จการศึกษาจาก
1828 เข้ารบในสงครามระหว่างรัสเซียและตุรกี (Russo-Turkish War, 1828-1829)
1831 ร่วมในการปราบการจราจลในโปแลนด์ (November Uprising in Poland)
1833 ลาออกจากราชการทหารเพราะปัญหาสุขภาพ
1838 กลับเข้ามาทำงานในกองทัพอีกครั้งหนึ่ง โดยเป็นที่ปรึกษาให้กับนายพลโกโลวิน (General Golovin) ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในแถบคอเคซัส
1840 เขาทำหน้าที่ควบคุมหน่วยป้องกันชายฝังในทะเลดำ
1841 ได้เลื่อนยศเป็นพลเอก แต่เนื่องจากสุขภาพของเขากลับมาย่ำแย่อีกครั้งหนึ่ง เขาจึงย้ายไปทำงานกับกระทรวงมหาดไทยแทน
1846 ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่าจังหวัดตุล่า (Tula province) ซึ่งที่นี่เขาได้ริเริ่มให้มีสมาคมเกษตรกรรม และได้เสนอให้มีการเลิกทาสไปยังซาร์นิโคลัส ที่ 1
1847 ได้เป็นผู้ว่าของเมืองเออร์กุตส์ก (Irkutsk) และเยนิเซย์สก์ (Yeniseysk) ในไซบีเรียตะวันออก ซึ่งเขามีนโยบายที่มุ่งเน้นการทำการค้า และขยายดินแดนของรัสเซียไปยังฝังขวาของแม่น้ำเอเมอร์ (Amur river)
1854
ตั้งแต่ปี 1689 ในสมัยของซาร์ปีเตอร์ ที่ 1 (Peter I) รัสเซียมีการลงนามในสนธิสัญญาเนอร์ชินสก์ (Treaty of Nerchinsk) กับประเทศจีน ในสมัยของจักรพรรดิคังซี (Kangxi Emperor) ทำให้รัสเซียเสียสิทธิในการสำรวจดินแดนตามแม่น้ำเอเมอร์ไป
อมูร์สกีเห็นว่ารัสเซียควรเปลี่ยนจุดยืนและใช้นโยบายที่แข็งกราวกว่านี้ แม้ว่าในตอนแรกรัฐบาลในรัสเซียจะไม่เห็นด้วย แต่สุดท้ายอมูร์สกีได้รับพระราชานุญาตจากซาร์นิโคลัส ที่ 1 ให้เปิดสำรวจดินแดนตามแม่น้ำเอเมอร์
พฤษภาคม, (1st expendition) อมูร์สกีได้ออกเดินทางสำรวจครั้งแรก ร่วมกับเกนนาดี เนเวลสกอย (Gennady Nevelskoy) โดยใช้เรือไอน้ำชื่ออาร์กัน (Argun streamship) เป็นเรือนำ
เมื่อเกิดสงครามไครเมีย (Crimean war, 1854-1855) อังกฤษกับฝรั่งเศสได้บุกโจมตีเมืองเปโตรบาฟลอฟส์ก (Petropavlovsk) ในคัมชัตก้า (Kamchatka) กองทหารของอมูร์สกีที่สำรวจดินแดนอยู่ได้ยกเลิกการสำรวจไว้ชั่วคราว และมาทำหน้าที่ปกป้องเมืองเปโตรบาฟลอฟส์ก ซึ่งเมืองได้มีสร้างป้องกันและจัดตั้งกองทัพเอาไว้รับมืออย่างดี ทำให้เมืองไม่ตกเป็นของฝ่ายศัตรู
1858 มีการลงนามในสนธิสัญญาไอกัน (Aigun Treaty) ที่เมืองไอกันในแมนจูเลียของจีน เพราะเป็นช่วงที่รัฐบาลราชวงศ์ชิงของจีนกำลังสั่นคลอนจากสงครามฝิ่น และกบฏไทปิ่ง (Taiping Rebellion) ทำให้รัสเซียยกกำลังทหารเข้ามาปะชิดแมนจูเรียและสามารถกดดันให้จีนยอมรับให้ดินแดนตามลุ่มแม่น้ำเอเมอร์จนออกมหาสมุทรแปซิฟิกตกไปเป็นของรัสเซียอย่างสมบูรณ์
นิโคไล มูราฟยอฟ ได้รับแต่งตั้งเป็นเคานต์อมูร์สกี จากผลงานการผนวกดินแดนไซบีเรียตะวันออกตามแนวแม่น้ำเอเมอร์นี้
1861 ได้เป็นสมาชิกในสภาแห่งรัฐ (State Council) ซึ่งเป็นสภาที่ปรึกษาให้กับพระเจ้าซาร์
1868 เดินทางไปอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสเป็นการถาวรจนกระทั้งเสียชีวิต เขาเดินทางกลับรัสเซียบ้างเป็นครั้งคราวเมื่อมีการประชุมสภา
1881 30 พฤศจิกายน (18 พฤศจิกายน O.S.) , เสียชีวิตในปารีส
1992 มีการนำอัษฐิของอมูร์สกี กลับมายังรัสเซียและปฝังไว้ยังเมืองวลาดิวอสต๊อก