กริกอรี่ โปเตมกิ้น (Григорий Александрович Потёмкин)
โปเตมกิ้นเกิดเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 1739 ในหมู่บ้านชิโชโว่ (Chizhovo village) ใกล้กับสโมเลนส์ก (Smolensk) ทางตะวันตกของรัสเซีย ครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของที่ดินที่มีฐานะปานกลาง พ่อมีชื่อว่าอเล็กซานเดอร์ (Alexander Potemkin, 1673-1746) เคยเป็นทหารมาก่อน แม่มีชือว่าดาเรีย (Daria Kondyreva)
1746 หลังพ่อของเขาเสียชีวิตแล้ว โปเตมกิ้นย้ายมาอยู่ในมอสโคว์โดยได้รับการดูแลจากลุง และเข้าเรียนหนังสือที่จิมเนเซียมใกล้กับมหาวิทยาลัยมอสโคว์
1755 เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมอสโคว์ ซึ่งเป็นปีแรกที่มหาวิทยาลัยก่อตั้งขึ้น โปเตมกิ้นนั้นถนัดวิชาภาษาลาตินและภาษากรีก
1757 เขาถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย ทำให้เขาย้ายไปอยู่ที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก และพยายามสมัครเข้าเป็นทหาร
1762 29 มิถุนายน, แคทเธอรีน (Catherine , The Great) ก่อรัฐประหารโค่นซาร์ปีเตอร์ ที่ 3 (Peter III) พระสวามีของนางเอง โดยได้รับการสนับสนุนจากกริกอรี ออร์ลอฟ (Grigory Orlov) หลังจากนั้นแคทเธอรีนจึงได้รับอำนาจปกครองรัสเซีย โดยหน่วยทหารที่ร่วมในการรัฐประหารนั้น มีโปเตมกิ้นเป็นหนึ่งในทหารหน่วยนั้น
หลังจากนั้นแคทเธอรีนจึงได้ประทานรางวัลแก่เหล่าทหารที่ร่วมการปฏิวัติ โดยที่โปเตมกิ้นเองได้รับยศร้อยโท หลังจากนั้นเขาถูกส่งไปเดนมาร์กเพื่อแจ้งข่าวการปฏิวัติให้สถานทูตรัสเซียที่นั้น
1766 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการหน่วยทหารม้า (Izmailovsky Cavalry) เป็นครั้งแรก
1768 ได้เป็น Chamberlain แต่ว่าไม่นานก็ลาออกจากตำแหน่ง เพื่ออาสาไปรบในสงครามระหว่างรัสเซียและตุรกี (1st Russo-Turkish War, 1768-1774) โดยทำหน้าที่ควบคุมหน่วยทหารม้า ซึ่งเขาได้แสดงความสามารถในการรบที่ Battle of Kamenets , Battle of Prashkovsky
หลังจากกลับจากสงคราม เขากลายมาเป็นผู้ช่วยของจอมพลดมิทรี โกลิตซิน (Fireld Marshal , Dmitry Golitsyn) และต่อมาเป็นผู้ช่วยของนายพลนิโคไล (Nikolai Rumyantsev) ทำให้หน้าที่การงานของเขาก้าวหน้าอย่างร่วมเร็ว
1774 เร่ิมมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับแคทเธอรีน ความสัมพันธ์ของทั้งสองเป็นไปอย่างเปิดเผยในระยะเวลา 2 ปี ก่อนที่แคทเธอรีนจะมีชายคนอื่นเป็นคนโปรดแทน แต่ทั้งสองแยกทางกันโดยดีและโปเตมกิ้นยังได้รับความไว้วางใจอย่างที่สุดในช่วยงานบริหารประเทศ นักประวัติศาสตร์บางคนเชื่อว่าแคทเธอรีนและโปเตมกิ้นเข้าพิธีแต่งงานกันอย่างลับๆ ในปี 1775 นอกจากนั้นยังเชื่อว่ากันว่า ทั้งสองลูกด้วยกันคนหนึ่งชื่อ อลิซาเบธ (Elizabeth G. Poemkin)
เมื่อสงครามระหว่างรัสเซีย-ตุรกี สิ้นสุดลง ดินแดนไครเมีย (Crimean Khanate) กลายเป็นอิสระ ทำให้รัสเซียต้องการผนวกดินแดนดังกล่าว
1776 โปเตมก้ินถูกส่งตัวไปดูแลดินแดนตอนใต้ของประเทศ แอสตราคาน (Astrakhan), เอซอฟ (Azov), และซาราตอฟ (Saratov) ซึ่งมีการสร้างเมืองใหม่ เช่น เซวาสโตโพล (Sevastopol) , ซิมเฟโรโพล (Simferopol) ผลงานของโปเต้มกิ้นทำให้แคทเธอรีนประทานวังอนิชกอฟ (Anichkov Palace) ในเซนต์ปีเตอร์เบิร์กให้เป็นรางวัล
1783 26 กรกฏาคม, คาบสมุทรไครเมียถูกประกาศว่าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียอย่างเป็นทางการโดยทหารของโปเตมกิ้น
หลังภารกิจสำเร็จแคทเธอรีนได้สร้างวังทรูไรด์ (Tauride Palace) ประทานให้กับเขา วังแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นรัฐสภาของรัสเซียก่อนการปฏิวัติของฝ่ายคอมมิวนิต์ในปี 1917
1784 ได้รับตำแหน่งจอมพล และได้รับหน้าที่ควบคุมกองทัพเรือในทะเลดำ
1787 รับหน้าที่ดูแลการเสด็จราชดำเนินครั้งสำคัญของแคทเธอรีน กับจักรพรรดิโจเซฟ ที่ 2 แห่งออสเตรีย (Emperor Joseph II, Austria) ไปยังพื้นที่ตอนล่างของแม่น้ำดนิปเปอร์ (Dnieper River) ซึ่งในการณ์นี้โปเตมกิ้นได้สร้างหมู่บ้านหลอกๆ ขึ้นมา โดยที่เขาจัดแจงให้มีชาวนา ซึ่งมีความเป็นอยู่อย่างมีความสุข ชอบร้องเพลง เต้นระบำ และสังสรรค์มีความสุขกับการเก็บเกี่ยว ขึ้นมาให้สองพระองค์ทอดพระเนตร ซึ่งหมู่บ้านแบบนี้ภายหลังถูกเรียกว่าเป็นโปเตมกิ้นวิลเลจ (Potemkin villages)
ต่อมาในปีเดียวกันเกิดสงครามรัสเซีย-ตุรกี ขึ้นอีกรอบ (2nd Russo-Turkish war, 1787-1791)
1791 16 ตุลาคม , โปเตมกิ้นเสียชีวิตอย่างกระทันหันในทุ่งหญ้า จากปัญหาสุขภาพ ร่างของเขาถูกฝังที่โบสถ์เซนต์แคทเธอรีนในไครเมีย (St.Catherine’s Cathedral, Kherson) และต่อมาอเล็กซานดร้า (Aleksandra) หลานของโปเตมกิ้น ได้สร้างสุสานขนาดใหญ่เพื่อเก็บอัษฐิของเขา