Numquam prohibere somniantes
Carl Gauss
Carl Gauss

Carl Gauss

คาร์ล เกาสส์  (Johann Carl Friedrich Gauss)

pauca sed matura

เกาสส์ เกิดวันที่ 30 เมษายน 1777  ในเมืองบรอนวิก, ดัชชี่บรอนวิก-วูเฟนบัตเตล (Braunschweig, Duchy of Brunswick-Wolfenbüttel) จักรวรรดิโฮลี่โรมัน
ครอบครัวของเขามีฐานะยากจน  พ่อของเขาชื่อเกบฮาร์ด (Gebhard Dietrich Gauss) และแม่ชื่อโดโรเธีย (Dorothea Benze) โดยโดโรเธียเป็นคนฉลาดแต่ว่าเธอแทบจะไม่รู้หนังสือ เธอทำงานเป็นแม่บ้านก่อนที่จะกลายเป็นภรรยาคนที่สองของเกบฮาร์ด 
ตอนเจ็ดขวบ ระหว่างที่อยู่ที่โรงเรียน ครูของเขาชื่อบัตต์เนอร์ (Büttner) ให้นักเรียนหาคำถามของผลบวกของตัวเลขจำนวน 1 ถึง 100 , ซึ่งเกาสซ์ สามารถตอบได้อย่างรวดเร็วว่า 5050 , เมื่อครูถามว่าเขาคิดได้อย่างไร เกาสส์ พูดว่า Ligget se (Because it is) เพราะเขาเอาตัวเลข ตัวแรกและตัวสุดท้ายบวกัน 100+1 , 99+2 , … จนถึง 51+50 ซึ่งเท่ากับ 101 คูณกัน  50  ครั้ง  , วิธีคำนวนนี้ถูกเรียกว่า Gaussian sum formula หรือถูกเรียกเล่นๆ ว่าสูตร Young Gauss  
1792 ความฉลาดของเกาสซ์ทำให้เขาได้รับการสนับสนุนจากดุ๊กเฟอร์ดินันด์ แห่งบรอนวิก (Duke Karl Wilhelm Ferdinand of Braunschweig) ซึ่งสนับสนุนทุนให้เกาสซ์เข้าเรียนที่วิทยาลัยโคโลลินั่ม (Collegium Carolinum ~ Technical University of Braunschweig) 
1795 เขาย้ายมาเรียนที่มหาวิทยาลัยก๊อตตินเจน (University of Göttingen) เพราะตอนนั้นเขาสนใจวิชาปรัญญาที่สอนโดยคริสเตียน เฮยน์ (Christina Gotlob Heyne) 
1796 ตอนอายุ 19 เขาอธิบายวิธีสร้างรูป 17 เหลี่ยม (heptadecagon) โดยใช้เพียง วงเวียน (compass) กับไม้บรรทัด (straightedge) ซึ่งก่อนหน้าเกาสส์ รูปหลายเหลี่ยมที่สามารถสร้างด้วยอุปกรณ์สองชนิดนี้เท่านั้นมีเพียง  เช่น รูป 3,4,5,6,8,10,12,15,16,20,24,30,32…, เหลี่ยม
1798 ตอนอายุ 21 ปี เขาเขียน Disquistiones Arithmeticae (Arithemetical Investigations) เสร็จ แต่ว่าหนังสือเล่มนี้พิมพ์ออกมาในอีกสามปีต่อมาในปี 1801 มันเป็นผลงานที่สำคัญที่สุดของเกาสซ์​ ที่ช่วยวางรากฐานทฤษฏีจำนวน ซึ่งถูกประยุกต์ใช้ในศาสตร์หลายแขนงจนปัจจุบัน
1799 สำเร็จปริญญาเอกจาก Academia Julia (University of Helmstedt) โดยในวิทยานิพนธ์ของเกาสส์ หัวข้อ 
ดุ๊กเฟอร์ดินันด์เสียชีวิตใน Battle of Jena and Auerstedt
1801 Lease squares fitting , (พัฒนาการหาเส้นลีสแสควร์  เส้นที่เหมาะสมที่สุดเพื่อเป็นตัวแทนของจุดจำนวนมากบนกราฟ) เกาสส์พัฒนาเทคนิคนี้ ก่อนเลเจนดรี (Anrien-Marie Legendre)  10 ปี แต่ว่าเกาสส์ไม่ได้เผยแพร่ , เกาสส์พัฒนาวิธีนี้ขึ้นมาเพราะเขาต้องการหาวงโครจรของดาวเคราะห์แคระ ชื่อเซเรส (Ceres dwarf planet)  ค้นพบโดยนักดาราศาสตร์ชาวอิตาลี กุเซเป ปิแอซซี (Giuseppe Piazzi) ในปี 1801 นี้ แต่ว่าปิแอซซี ประสบปัญหาในการคำนวณวงโคจรของดาวเซเรส เกาสส์จึงพัฒนาเทคนิคการหาลีสแสควร์เพื่อใช้ทำนายตำแหน่งที่ใกล้เคียงของดวงดาว
1804 หมั่นกับ โจฮานน่า (Johanna Rosina Elisabeth Osthoff
1805 9 ตุลาคม, แต่งงานกับโจฮานน่า ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน
  • โจเซฟ (Joseph, 21 สิงหาคม 1806) เกิดขึ้นมา ภายหลังโจเซฟได้ทำงานในโคงการสร้างรางรถไฟในแฮนโนเวอร์ (Kingdom of Hanover) 
  • วิลเฮลไมน์ (Wilhelmine, 29 กุมภาพันธ์ 1808-12 สิงหาคม 1840)
  • หลุยส์ (Louis, 10 กุมภาพันธ์ 1809-1 มีนาคม 1810)
1806 พิมพ์หนังสือ Theoria Motus ซึ่งเป็นทฤษฏีเกี่ยวกับการโครจรของดวงดาวรอบดาวอาทิตย์
1807 เป็นศาสตร์จารย์ที่ก๊อตตินเจน 
1808 พ่อของเกาสส์ เสียชีวิตในวันที่ 14 เมษายน 
1809 11 ตุลาคม โจฮานน่า เสียชีวิต เป็นผลจากการป่วยหลังคลอดลูกชายคนสุดท้อง
1810 1 มีนาคม, หลุยส์ ลูกชายคนเล็กของเกาสส์เสียชีวิต
4 สิงหาคม เกาสส์แต่งงานใหม่กับฟรีดริก้า วัลเดก (Friederica Wihelmins Waldeck , ชื่อเล่น Minna, 15 เมษายน 1788- 12 กันยายน 1831) ทั้งคู่มีลูกด้วยกัน 3 คน
  • ยูจีน (Eugene, 29 กรกฏาคม 1811- 4 กรกฏาคม 1896) ภายหลังยูจีนอพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกาและทำงานเป็นพ่อค้า
  • วิลเฮล์ม (Wilhel, 23 ตุลาคม 1813- 23 สิงหาคม 1879) ต่อมาติดตามยูจีนไปทำงานกับเขาในอเมริกา
  • เธเรเซ่ (Therese, 9 มิถุนายน 1816-11 กุมภาพันธ์ 1864) 
1821 เป็นสมาชิกของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งสวีเดน (Royal Swedish Academy of Sciences)
1831 12 กันยายน , ฟริดริก้า เสียชีวิต ด้วยอาการวัณโรค
เกาสส์ร่วมกับเวเบอร์ (Wilhelm Weber) ศึกษาเกี่ยวกับสนามแม่เหล็ก  
1832 จาโนส โบลยา (Janos Bolyai) พิมพ์ผลงานซึ่งถือเป็นการค้นพบวิชาเรขาคณิตแบบนอนยูคลิด (Non-Euclidean geometry) แต่ว่าเกาสส์เมื่อเห็นผลงานดังกล่าวแล้ว เขาเขียนจดหมายไปหาจาโนส บอกว่าตัวเขาเองก็รู้วิธีการแบบนี้มานานหลายสิบปีแล้ว  ทำให้จาโนสกล่าวหาว่าเกาสส์พยายามลักไก่ในความคิดของเขา 
1833 เกาสส์และเวเบอร์เป็นคนแรกที่สร้างเครื่องโทรเลข (electromagnetic telegraph) ได้สำเร็จ ระหว่างอยู่ในก็อตติเจน
1839 18 เมษายน , แม่ของเกาสส์เสียชีวิตในก็อตตินเจนตอนอายุ 95 ปี 
1840 พิมพ์หนังสือ Dioptrische Untersuchungen
1855 23 กุมภาพันธ์ เกาสส์เสียชีวิตตอน 1.05 A.M. ในก๊อตตินเจน  ร่างของเขาถูกนำไปฝังที่สุสานอัลบานิ (Albani cemetery) โดยที่สมองของเขาถูกแยกออกมาเพื่อนำไปศึกษา ปัจจุบันสมองของเกาสส์ถูกเก็บไว้ที่คณะแพทย์ มหาวิทยาลัยก็อตตินเจน (Department of Medecal Ethics and History of Medicine , Medical Faculty , University of Göttingen)

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Don`t copy text!