อโดนิรัม จั๊ดสัน (Adoniram Judson)
มิสชันนารี่ชาวสหรัฐฯ ที่เข้าไปเผยแพร่ศาสนาในพม่า
จั๊ดสัน เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1788 ในแมสซานชูเซตต์ (Massachusetts) พ่อของเขาชื่อเดียวกับเขา จั๊ดสันผู้พ่อนั้นเป็นนักบวชโปแตสแตนส์ นิกาย คอนกรีเกชั่น (Congregational church) ในขณะที่แม่ชื่อว่าอบิเกล บราวน์ (Abigail Brown)
1804 ตอนอายุ 16 ปี จั๊ดสันเข้าเรียนที่วิทยาลัยโรห์ดไอซ์แลนด์ (College of Rhode Island & Providence Plantations) หรือมหาวิทยาลัยบราวน์ (Brown University) ในปัจจุบัน
1807 สำเร็จการศึกษา โดยมีผลการเรียนดี จั๊ดสันได้เป็นตัวแทนของรุ่นในการกล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษา แต่ว่าตอนที่เรียนหนังสืออยู่ที่วิทยาลัยนั้นจั๊ดสันได้สนิทสนมกับ จาค๊อฟ เอมส์ (Jacob Eames) ซึ่งเป็นคนที่ตั้งข้อสงสัยต่อคริสต์ศาสนา ความคิดของจาค๊อฟมีผลต่อจั๊ดสันอย่างยิ่งจนเขาละทิ้งศรัทธาต่อศาสนาที่เขาเคยยึดถือมาตลอด
แต่ว่าศรัทธาของจั๊ดสันกลับมา เมื่อตอนที่จาค๊อฟล้มป่วยและเสียชีวิตลงขณะที่พวกเขาไปพักที่โรงแรมเดียวกันแต่ว่านอนอยู่คนละห้อง เมื่อว่าตอนที่จาค๊อฟตาย จั๊ดสันกลับไปยินเสียงของจาค๊อฟดังมาจากห้องที่พักติดกัน นั่นทำให้จั๊ดสันกลับมาเชื่อและศรัทธาในศาสนาอีกครั้ง
1808 เข้าเรียนที่วิทยาลัยศาสนาแอนโดเวอร์ (Andover Theological Seminay)
1810 เข้าร่วมกลุ่มกับนักศึกษาด้วยกัน ที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม “The Brethren” ที่ตั้งปณิธานในการอุทิศตนเพื่อศาสนา
มีการต่อตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อเผยแพร่ศาสนาในต่างแดน (American Board of Commissioners of Foreign Missions, ABCFM) ขึ้นมา
1812 จั๊ดสันได้รับหน้าที่จาก ABCFM ให้เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาในพม่า ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ โดยคณะมิสชันนารีที่เดินทางร่วมกับจั๊ดสัน ถือเป็นมิสชั่นนารีโปแตสแตนส์กลุ่มแรกที่เข้าไปในพม่า
5 กุมภาพันธ์, แต่งงานกับแอนน (Ann Hasseltine, “Nancy”)
19 กุมภาพันธ์, เดินทางไปกับเรือ “Caravan” พร้อมภรรยา และในคณะมี รูเธอร์ ไรซ์ (Luther Rice) , ซามูเอล นีเวลล์ (Samuel Newell) , แฮร์เรียต นีเวลล์ (Harriet Newell)
17 มิถุนายน, เรือเดินทางมาถึงกัลกัตต้า (Calcuttta) ในอินเดีย แต่ว่าในช่วงเวลาเดียวกันนี้สหรัฐฯ เพิ่งประกาศสงครามกับอังกฤษ ทำให้คณะมิสชันนารีจากสหรัฐฯ ไม่เป็นที่ตอนรับในอินเดีย บริษัทอีสต์อินเดีย (British East India Company) จึงได้สั่งให้คณะของจั๊ดสันเดินทางออกจากกัลกัตต้า
1813 13 กรกฏาคม, จั๊ดสันและคณะมิสชันนารีเดินทางมาถึงพม่า ซึ่งในพม่าจั๊ดสันเริ่มศึกษาพม่าซึ่งเขาใช้เวลาประมาณสามปีถึงจะพูดพม่าได้
1817 เขาแปล Gospel of Matthew ไปเป็นภาษาพม่าเสร็จ
จอร์จ ฮากห์ (George H. Hough) เป็นมิสชันนารีอีกกลุ่มที่เดินทางมาจากสหรัฐฯเขามาพร้อมกับการนำเทคโนโลยีการพิมพ์เข้ามาในพม่า ทำให้พม่ามีสิ่งพิมพ์เป็นครั้งแรก และจั๊ดสันก็ใช้การพิมพ์ของจอร์จ ในการพิมพ์ the Gospel ที่เขาแปลออกมากว่า 800 ชุด
1819 เขาเริ่มทำการสอนศาสนาให้กับชาวพม่ากลุ่มแรกจำนวน 15 คน
มิถุนายน, จั๊ดสันทำการบวชให้ชาวพม่าคนแรก ที่เปลี่ยนมานับถือคริสต์ ชาวพม่าคนนั้นชื่อว่า หม่อง นาว (Maung Naw) เป็นชาวพม่าเชื้อสายมอญ เขาเป็นแรงงานในการตัดไม้อายุ 35 ปี
1820 จั๊ดสันถวายฏีกาไปยังกษัตริย์บะจี้ดอ (King Bagyidaw) ให้พระราชทานอนุญาตให้เสรีภาพในการเผยแพร่ศาสนา และงดเว้นการลงโทษแก่ผู้ที่เปลี่ยนศาสนา แต่ว่ากษัตริย์บะจี้ดอทรงพิโรธ และการเผยแพร่ศาสนาในพม่าก็ยังเป็นไปอย่างยากลำบาก
1822 มีชาวพม่าหัดมานับถือคริสต์รวม 18 คน
จั๊ดสันแปล the New Testament เสร็จ
1824 เกิดสงครามระหว่างอังกฤษและพม่า (the 1st Anglo-Burmese War) ทำให้จั๊ดสันถูกจับขังคุกเป็นเวลากว่า 17 เดือน เพราะทางการพม่ากลัวว่าเขาจะเป็นสายลับให้กับอังกฤษ
1826 กุมภาพันธ์, จั๊ดสันได้รับการปล่อยตัวหลังจากพม่าแพ้ในสงครามกับอังกฤษ และหลังจากนั้นพม่าก็ได้จ้างให้จั๊ดสันเป็นผู้แปลสนธิสัญญาที่ทำกับอังกฤษ
24 ตุลาคม, แอนน์ ภรรยาของจั๊ดสันเสียชีวิต
หลังจากสงคราม ดินแดนพม่าบางส่วนตกเป็นของอังกฤษ ทำให้การเผยแพร่ศาสนาสะดวกมายิ่งขึ้น โดยช่วงเวลานั้นจั๊ดสันเดินทางเข้าไปในป่าแถวลุ่มน้ำสาละวินเพื่อสอนศาสนาแก่ชาวกะเหรี่ยง
1835 จั๊ดสันแปลคัมภีร์ไบเบิ้ลเสร็จสมบูรณ์และพิมพ์ออกมาเป็นครั้งแรก
เมษายน, จั๊ดสันแต่งงานกับ ซาราห์ (Sarah Hall Boardman) ซึ่งต่อมาพวกเขามีลูกด้วยกันถึง 8 คน
1845 1 กันยายน, ซาราห์เสียชีวิต ระหว่างการเดินทางกลับสหรัฐฯ เพื่อรักษาอาการป่วย
1846 2 มิถุนายน, จั๊ดสันแต่งงานอีกครั้งกับ อีมิลี (Emily Chubbuck) ซึ่งเป็นนักเขียน พวกเขามีลูกสาวด้วยกันคนหนึ่ง
1850 2 เมษายน, จั๊ดสันเสียชีวิตบนเรือโดยสารที่เดินทางจากเบงกอลไปยังสหรัฐฯ เพราะจั๊ดสันป่วยด้วยโรคปอดรุนแรง แพทย์จึงแนะนำให้เขากลับไปรักษาตัวที่สหรัฐฯ แต่ว่าจั๊ดสันเสียชีวิตเสียก่อน และร่างของเขาก็ถูกทำพิธีและโยนลงในทะเล
โดยตอนที่เขาเสียชีวิตนั้นพม่ามีโบสถ์แล้วกว่า 100 โบสถ์ และผู้นับถือคริสต์กว่า 8000 คน